Corporate Identity (CI) คืออะไร
Octopusmedia AdminCorporate Identity (CI) คืออะไร และทำไมธุรกิจควรมี
ท่ามกลางการแข่งขันทางธุรกิจในยุคปัจจุบัน เอกลักษณ์ของแบรนด์ คือสิ่งบอกตัวตนว่าเราเป็นใครและแตกต่างอย่างไร Corporate Identity ทำให้แบรนด์ถูกจดจำทั้งในเชิงภาพลักษณ์ โทนความคิด และรูปแบบการสื่อสารที่สอดคล้องกันทุกจุดสัมผัส
Corporate Identity คืออะไร
Corporate Identity (CI) คือการออกแบบและกำหนด “อัตลักษณ์” ของแบรนด์ให้ชัดและสอดคล้องในทุกสื่อ เสมือนบุคลิกของคนหนึ่งคน องค์ประกอบหลักได้แก่:
- Logo — สัญลักษณ์/เครื่องหมายของแบรนด์ ผ่านรูปทรง สี และตัวอักษร
- Typography — ระบบตัวอักษรที่ใช้สม่ำเสมอ (มัก 2–3 ฟอนต์ แบ่งบทบาท Heading/Body/Accent)
- Colour — พาเลตสีหลัก–รอง กำหนดอารมณ์และช่วยเพิ่มการจดจำ
- Layout & Grid — หลักการจัดวาง, ระยะห่าง, ขอบเขตโลโก้ (Clear space), สัดส่วน
- Imagery & Graphic Motifs — แนวภาพ/กราฟิกเฉพาะตัว (เช่น เส้น, ลาย, ไอคอน)
- Tone of Voice — โทนถ้อยคำ/ภาษาที่ใช้สื่อสารให้คงเส้นคงวา
ทำไมธุรกิจควรมี CI
การมี CI ทำให้เห็น ตัวตนที่ชัดเจน สร้างการจดจำ และยกระดับความน่าเชื่อถือ ทั้งยังนำไปใช้ได้หลากหลายสื่อ เช่น งานกราฟิก, ป้ายไวนิล, ป้ายบริษัท/ป้ายอะคริลิค, POSM และสื่อสิ่งพิมพ์ต่าง ๆ ทำให้ทีมออกแบบ–ผลิต–การตลาดทำงานไปในทิศทางเดียวกัน ลดความคลาดเคลื่อนและประหยัดเวลา
ใครช่วยคุณวางระบบ CI และผลิตสื่อได้บ้าง
Octopus Media Solutions ให้บริการครบวงจรตั้งแต่วางระบบ CI, ออกแบบสื่อ, ผลิต–ติดตั้ง ครอบคลุมสติ๊กเกอร์, สติ๊กเกอร์ติดรถ/กระจก/ผนัง/สูญญากาศ, ธงญี่ปุ่น (J-Flag), อุปกรณ์ออกบูธ (Roll Up, Standee, Backdrop), รวมถึงหมวด signage และสื่อการตลาดทุกชนิด มุ่งเน้น “สร้างจุดขาย” และสื่อสารตรงโจทย์
ตัวอย่าง Brand Book/Guideline ที่ดี
กรุงเทพมหานคร: กรณีศึกษาอัตลักษณ์เมือง
-
โลโก้ต้นฉบับมีเพียงหนึ่งเดียว
เก็บรักษาที่หอจดหมายเหตุฯ ภาพเดิมบนกระดาษเก่าทำให้ความคมชัดจำกัด
-
การสร้างไฟล์ใหม่ = ถ่ายภาพเดิมด้วยเทคโนโลยีใหม่
ได้ความคมชัดดีขึ้น แต่อาจเปลี่ยนรายละเอียดรูปทรงหากไม่ควบคุมสัดส่วน
-
ที่มาเชิงศิลปะ
ต้นทางโดย สมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เพื่อนำมาใช้เป็นตราสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ
-
ไฟล์ดิจิทัลผ่านการปรับหลายครั้ง
รายละเอียดบางส่วนอาจเพี้ยนจากต้นฉบับ จำเป็นต้องอ้างอิงหลักฐานประวัติศาสตร์
-
ข้อตกลงกับ กทม.
แก้ไขให้ใกล้เคียงภาพในราชกิจจานุเบกษามากที่สุด ไม่เปลี่ยนสาระสำคัญ
-
กระบวนการอ้างอิง
ใช้ต้นฉบับจากพิพิธภัณฑ์ฯ และงานของกรมศิลปากรประกอบการสร้างใหม่
จากตัวอักษรนริศ สู่แบบอักษรอัตลักษณ์ ‘เสาชิงช้า’
ฟอนต์อัตลักษณ์ “เสาชิงช้า (Sao Chingcha)” ออกแบบโดยทีม Farmgroup ตั้งต้นจากคำว่า “กรุงเทพมหานคร” บนตราสัญลักษณ์เดิม ศึกษาลายมือแบบ “ตัวนริศ/ตัวริบบิ้น” แล้วปรับให้ร่วมสมัยโดยยังคงกลิ่นอายวัฒนธรรม
ชุดน้ำหนักตัวอักษรและระบบการใช้งาน
Sao Chingcha มี 3 น้ำหนัก (Light, Regular, Bold) โดยทีม Katatrad ร่วมพัฒนาสู่ไฟล์ฟอนต์สมบูรณ์ รองรับระบบโค้ดและงานใช้งานจริงของ กทม.
นอกจากระบบหลัก ทีมยังพัฒนา Signature Graphic จาก “วัชระ” อาวุธของพระอินทร์ เพื่อเพิ่มมิติการออกแบบในบางบริบท
ทดลองเล่นสติกเกอร์/กราฟิก: https://bkk-sticker.vercel.app



CI ที่ดี = เอกลักษณ์ชัด + ใช้งานได้จริง ตั้งแต่โลโก้–ฟอนต์–สี ไปจนถึงองค์ประกอบกราฟิกและคู่มือ เมื่อระบบชัด ทีมภายในและพาร์ทเนอร์จะทำงานได้เร็วขึ้น สม่ำเสมอขึ้น และสร้างการจดจำที่แข็งแรงกว่า
เริ่มต้นวางระบบ CI / ผลิตสื่อให้สอดคล้องอัตลักษณ์
ปรึกษาฟรีกับทีม Octopus: LINE Official | ดูหมวดงานป้าย: https://www.octopus.co.th/collections/signage
FAQ — คำถามที่พบบ่อย
CI ต่างจาก Brand Identity ไหม?
หลายแห่งใช้แทนกัน แต่ในเชิงปฏิบัติ Brand Identity ครอบคลุมภาพรวมการสื่อสารทั้งหมด ส่วน Corporate Identity มักเน้นอัตลักษณ์องค์กรและระบบการใช้งานจริง (โลโก้/ฟอนต์/สี/กริด/คู่มือ)
ควรมีฟอนต์กี่ตัวในระบบ CI?
โดยทั่วไป 2–3 ฟอนต์ เพียงพอและควบคุมง่าย แบ่งบทบาท Heading/Body/Accent ให้ชัด ลดการใช้ฟอนต์พิเศษเกินจำเป็น
CI ส่งผลต่อการทำป้ายและสื่อสิ่งพิมพ์อย่างไร?
ทำให้ทุกชิ้นงานมีเอกภาพ—ขนาดโลโก้, ระยะห่าง, โทนสี, ฟอนต์ และรูปแบบกราฟิกสอดคล้องกัน ผลคืองานดูมืออาชีพและจดจำง่าย